Article 006 : Po-40 : Mazda 2 diesel เข้าโหมด +/- อาจจะช้ากว่าใช้ D

บทความและเกร็ดความรู้เกี่ยวกับรถยนต์
รวมถึงเกร็ดความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ที่น่าสนใจ
Post Reply
User avatar
Po-40
Posts: 50
Joined: Mon Sep 25, 2023 2:18 pm

Article 006 : Po-40 : Mazda 2 diesel เข้าโหมด +/- อาจจะช้ากว่าใช้ D

Post by Po-40 »

Po-40 : Mazda 2 diesel เข้าโหมด +/- อาจจะช้ากว่าใช้ D

Image

Mazda 2 SKYACTIV-D เครื่องดีเซล
อย่างที่ทราบกันดีว่าบุคลิกของเครื่องดีเซลนั้น
มีแรงบิดสูงตั้งแต่รอบเริ่มต้นขึ้นสู่จุดสูงสุดตั้งแต่รอบต่ำ
และเมื่อพ้นช่วงนั้นแล้วจะปักหัวลงเรื่อยๆอย่างรวดเร็ว
ผนวกกับจับคู่กับเกียร์ที่มีจำนวนอัตราทด 6 จังหวะ
ทำให้แรงบิดจากเครื่องยนต์ผ่านอัตราทดเกียร์ ส่งมายังล้อ
เกิดจุดตัดกันระหว่างเกียร์แต่ละเกียร์
การที่มีจุดตัดนั้นแสดงว่า ในช่วงหลังจากจุดตัดแล้ว
ถ้ายังคงลากเกียร์เดิมต่อไปไม่ยอมเปลี่ยนขึ้นเกียร์ถัดไป
แรงบิดที่ล้อจะได้น้อยกว่ายอมเปลี่ยนขึ้นเกียร์ถัดไปเสียอีก
--------------------------------------------------------------------
ในยุคก่อนหน้านี้ รถไซส์นี้ ที่เราคุ้นเคย
ในเกมส์จับเวลา ตอนทำอัตราเร่งสูงสุด
ถ้าลากไปยันขีดแดงค่อยเปลี่ยนเกียร์ หลายคันเร็วกว่าใช้ D
เพราะว่าส่วนใหญ่ใช้เครื่องเบนซินซึ่งแรงบิดสูงสุดจะอยู่ในรอบปลาย
และยังมีจำนวนเกียร์ไม่มาก เกียร์ที่เอามาใช้ทำความเร็วจริงๆ
อาจจะมีแค่ 3 หรือ 4 เกียร์เท่านั้น ส่วนเกียร์ถัดๆไปเอาไว้ลดรอบ
จึงไม่เกิดจุดตัดของกราฟ ลากจนจะชนขีดแดงแล้ว
แรงบิดที่ล้อของเกียร์ต้นก็ยังมากกว่าของเกียร์ถัดไป
อาจจะมีจุดตัดกันก็เกียร์ท้ายๆ
หรืออาจไม่มีจุดตัดเลยในย่านความเร็วที่ใช้งาน
ดังนั้นในรถพวกนี้พอเราบังคับชิฟเกียร์เอง
โดยยอมลากเลยเข้าไปขีดแดงอีกหน่อย
ก่อนรอบจะตัดค่อยเปลียนเกียร์ขึ้น
มันก็เลยเร็วกว่าใช้เกียร์ D
------------------------------------------------

Image

Image

จากข้อมูลอัตราทดเกียร์/เฟืองท้าย
และกราฟแรงบิดของเครื่องยนต์ที่ประจำการใน Mazda 2
จากในรูปที่ D01/00 และรูปที่ D01/01 นั้น
กับข้อมูลขนาดยาง คือ 185/60 R16
เราเอามาวาดกราฟแรงบิดที่ส่งมายังล้อแบบคร่าวๆกันดูนะครับ
จะได้กราฟแบบในรูปที่ D01/02
ซึ่งถ้าตัดเกียร์ 6 ทิ้งไปไม่ให้กราฟ รกมาก
จะเป็นรูป D01/03

Image

สิ่งที่เราเห็นก็คือ
จากเกียร์ 1-> 2 เกิดจุดตัดที่จุด A @ ใกล้ๆ 45 km/h
จาก เกียร์ 2-> 3 เกิดจุดตัดที่จุด B @ ใกล้ๆ 80 km/h
จากเกียร์ 3-> 4 เกิดจุดตัดที่จุด C @ ใกล้ๆ 110 km/h
จากเกียร์ 4-> 5 เกิดจุดตัดที่จุด D @ ใกล้ๆ 150 km/h
* มีจุดตัดกันตั้งแต่เกียร์ 1 ไป 2 เลย
ความหมายก็คือ ถ้าเราใช้เกียร์ในโหมด +/-
แล้วขับอย่างลากเกียร์อย่างที่คุ้นเคยก่อนหน้านี้
ให้ชนขีดแดงแล้วค่อยกด + เพิ่มเกียร์นั้น
มีโอกาสจะช้ากว่า การเข้าเกียร์ D
แล้วให้รถเป็นคนเลือกจุดเปลี่ยนเกียร์ที่เหมาะสมให้
เช่น กดเต็ม ออกตัวจนถึงความเร็ว 45 km/h (กราฟสีแดง)
แต่เรายังไม่ยอม + เพิ่มเกียร์ ลากต่อไปจนถึงความเร็ว 50 km/h
ช่วงปลายเกียร์นี้เราจะเสียโอกาส
เพราะถ้าเปลี่ยนขึ้นไปเป็นเกียร์ 2 (กราฟสีเหลือง)
ตั้งแต่ก่อน 50 km/h เราจะได้แรงบิดมาใช้ที่ล้อมากกว่า
เช่นเดียวกันกับจุดตัดระหว่างเกียร์คู่อื่นถัดๆไป
--------------------------------------

Image

มาถึงรูปที่ D01/04
บางท่านอาจเคยได้ยินคำแนะนำ
ว่าให้เปลี่ยนเกียร์ตอนพ้นรอบแรงบิดสูงสุดไปนิดหน่อย
อันก็ยังช้ากว่าเปลี่ยนในช่วงใกล้ๆจุดตัดของแต่ละเกียร์อยู่ดี
เช่นในเกียร์ 1 (กราฟสีแดง) พอความเร็วซัก 30 km/h ไปแล้ว
จริงอยู่แม้ว่ามันจะดึงน้อยลงเรื่อยๆ ตามแรงบิดที่ปักหัวลง
แต่ว่าเมื่อเทียบกับการสับขึ้นเกียร์ 2 (กราฟสีเหลือง)
การที่เรายังลากเกียร์ 1 ต่อยังได้แรงบิดมาใช้ที่ล้อ 2800
ซึ่งยังมากกว่าของเกียร์ 2 ที่มีเพียง 1700
โดยสรุปก็คือในกรณีที่เราจะทำอัตราเร่งสูงสุด
ก็ต้องเลือกใช้เกียร์ที่ ณ ความเร็วนั้นๆได้แรงบิดที่ล้อมากกว่า
พอถึงจุดที่แรงบิดที่ได้เริ่มต่ำกว่าเกียร์ถัดไปเราก็สับขึ้น
ไม่ได้เกี่ยวว่าต้องเปลี่ยนที่รอบแรงบิดสูงสุด หรือรอบแรงม้าสูงสุด
---------------------------------------

Image

** ตัวเลขในกราฟเป็นแบบคร่าวๆให้เข้าใจง่ายนะครับ
เพื่อให้เห็นแนวโน้ม ไม่ได้เอารายละเอียดยิบย่อยมาใส่เข้าไป
*** กระบะดีเซลยุคใหม่ๆ ที่เกียร์ MT มีจำนวนอัตราทดมากขึ้น
ตอนทดสอบหาอัตราเร่ง 0-top speed
นั้นจุดเปลี่ยนเกียร์ก็สำคัญ ถ้าลากสุดรอบทุกเกียร์อาจจะไม่ได้
อัตราเร่งที่ดีที่สุดก็ได้ โดยเฉพาะเกียร์หลังๆ
ขึ้นอยู่รูปร่างของกราฟแรงบิด และอัตราทดของคันนั้นๆ
ลองดูคลิป mazda 2 ทำความเร็ว 0-160 km/h
ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้นะครับ
ในคลิปใช้เกียร์ D ดูจุดที่เปลี่ยนเกียร์จริง ใกล้เคียงกับในกราฟครับ
(ผมเจอคลิปนี้ในบอร์ดของคลับของ mazda 2 มีสมาชิกท่านหนึ่งมาแปะไว้)


Image
Post Reply